Technologies
“AI ทำงานแทนคน” ภาพอนาคตที่เป็นไปได้แค่ไหน? ถอดบทเรียนจากเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวัน
“โลกของเราในวันข้างหน้า จะมี AI เข้ามาทำงานแทนคนได้จริงไหม?” เราชวนมาหาคำตอบ รวมถึงชวนทีมผู้พัฒนา AI ของ deeple มาร่วมแชร์มุมมองทั้งปัจจุบันและอนาคตของเทคโนโลยี AI ไปพร้อมกัน
Avatar
Min Natjanan
 • 28 March 2023
“AI ทำงานแทนคน” ภาพอนาคตที่เป็นไปได้แค่ไหน? ถอดบทเรียนจากเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเข้ามาของเทคโนโลยี AI ที่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้หลากหลายรูปแบบ เกิดเป็นคำถามสำหรับใครหลายคนว่า “โลกของเราในวันข้างหน้า จะมี AI เข้ามาทำงานแทนคนได้จริงไหม?”

เราชวนมาหาคำตอบ รวมถึงชวนทีมผู้พัฒนา AI ของ deeple มาร่วมแชร์มุมมองทั้งปัจจุบันและอนาคตของเทคโนโลยี AI ไปพร้อมกัน

ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ทำงานอย่างไร

deeple -ai 2.jpg

สรุปแบบง่ายๆ คือ AI ทำงานด้วยการที่มนุษย์เอาข้อมูลที่มีการเตรียมไว้มาให้เรียนรู้ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้หลักทางคณิตศาสตร์อย่างสถิติและความน่าจะเป็น ในการจัดกลุ่มข้อมูลและหาคำตอบ เพื่อให้ AI สามารถทำอะไรบางอย่างออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งในการสอน AI เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แต่ละอย่างได้นั้น จะอาศัยเทคนิค หรือวิธีต่าง ๆ เข้ามาช่วย อย่างที่เคยได้ยินกัน เช่น Machine Learning, Deeple Learning, Transfer Learning เป็นต้น

ตัวอย่างเทคโนโลยี AI ที่เป็นที่พูดถึงในช่วงนี้อย่าง ChatGPT เป็น AI Language Model ที่ใช้การทำงานของ AI ในรูปแบบเดียวกัน นั่นคือการป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาลลงไปในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อผ่านการเรียนรู้ด้วยหลักคณิตศาสตร์ แต่จะมี Probability Model หรือโมเดลความน่าจะเป็นที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนขึ้น ทำให้สามารถเรียนรู้ข้อมูลและหาคำตอบได้จำนวนมาก

deeple คือ AI ที่เรียนรู้ภาษาไทย จากบทสนทนาจำนวนมหาศาล

deeple -ai 3.jpg

การทำงานของเทคโนโลยี AI Language Model เป็นเช่นเดียวกับที่ deeple เองใช้พัฒนา AI แชทบอทและระบบจัดการร้านค้า ผ่านการสร้างโมเดลทางภาษาขึ้นมากเพื่อให้ AI เรียนรู้ประโยคและบทสนทนาภาษาไทยที่เกี่ยวกับการขายออนไลน์จำนวนมาก โดยเฉพาะประโยคที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน แต่ถูกเขียนออกมาคนละแบบ เพื่อให้ AI สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า นำไปสู่การเสนอขายสินค้า ปิดการขาย และตอบหลายๆ คำถามได้เอง

AI จะแทนคนได้จริงไหมในอนาคต

“AI lacks of thinking outside the box” เป็นหนึ่งในจากหลายเหตุผลที่หลายคนต่างคิดว่า AI ไม่สามารถแทนคนได้ในตอนนี้ นั่นก็เพราะว่าการสอน AI คือการนำข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่แล้วมาให้ AI เรียนรู้แล้วแสดงผลลัพธ์ออกมาผ่านการเรียนรู้ในเงื่อนไขที่มนุษย์กำหนด ในขณะที่หากเป็นการเรียนรู้ของมนุษย์ จะมีปัจจัยแวดล้อมมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ทำให้มนุษย์สามารถคิด วิเคราะห์ เกิดเป็นผลลัพธ์หรือไอเดียใหม่ๆ ได้มากกว่า

และยังมีข้อจำกัดเรื่องการเรียนรู้ของมนุษย์ ซึ่งในแต่ละวัน มนุษย์คนหนึ่งสามารถรับข้อมูลได้เฉลี่ย 34 GB หรือประมาณ 1 แสนคำต่อวัน (เทียบเป็นวินาทีแล้วอยู่ที่ 23 คำต่อวินาที) และหากเรียนรู้แล้วเกิดข้อผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้ในทันที

ในขณะที่หากเป็นการสร้าง AI ที่สามารถรับข้อมูลจำนวนมากเทียบเท่ามนุษย์ให้ได้นั้นต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ที่รองรับ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการเทรนข้อมูลเข้าไปให้มากที่สุด และหากมีการสอนที่ผิดพลาด ระบบจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขนานกว่ามนุษย์ นั่นทำให้การใช้ AI แทนมนุษย์แบบ 100% อาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด

AI จะไม่แทนคน แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจ

คุณอาร์ม-คณิน ศิริสิทธิ์ Chief Technology Officer (CTO) หรือหัวหน้าทีมพัฒนา AI ของ deeple ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การเข้ามาของ AI เป็นการช่วยงานมนุษย์มากกว่าจะแทนที่ เดิมทีเราจะเข้าใจว่า AI สามารถทำงานที่เป็นงานซ้ำๆ แทนมนุษย์ได้ แต่การเข้ามาช่วยทำงานตรงนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นการแทนตำแหน่งงานของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง แต่เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ที่ช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น

“สำหรับการทำงานของ AI ในมุมของ deeple เรามองว่าหากปกติแอดมินคนหนึ่งสามารถรับลูกค้าได้วันละ 10 คน หากมี AI เข้ามาช่วยอาจจะทำให้รับลูกค้าได้วันละ 1,000 คน เพราะ AI ไปช่วยทำงานแทนในส่วนที่ซ้ำๆ เช่น เสนอขายสินค้า ตอบคำถามที่มีคนถามเข้ามาบ่อยๆ ส่วนคนก็มีเวลาเหลือไปทำงานส่วนอื่นๆ ที่ใช้ทักษะมากกว่าให้ดีขึ้น”

AGI และ ASI ภาพอนาคตของ AI ที่ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้

นอกจากคำว่า Artificial Intelligence หรือ AI แล้ว บางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Artificial General Intelligence (AGI),  Artificial Superintelligence (ASI) และ Artificial Narrow Intelligence (ANI) ซึ่งเป็นขั้นกว่าของเทคโนโลยี AI ในอนาคตที่จะมีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ได้มากที่สุด จนอาจฉลาดกว่ามนุษย์โดยไม่ต้องผ่านการสอนด้วยข้อมูลจำนวนมากแบบในปัจจุบัน และสามารถเกิดทักษะใหม่ๆ ได้เองโดยแทบจะไม่ต้องพึ่งพาการสอนของมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น AGI และ ASI ยังล้วนแล้วแต่เป็น Abstract Concept หรือแนวคิดนามธรรมที่ยังไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในอนาคตอันใกล้นี้
 

ที่มาข้อมูล