

“เทคโนโลยี AI จะเข้ามาทำงานแทนคนได้มากน้อยแค่ไหน?” มาคุยกับ “คุณกฤตธี” CEO ของ deeple ว่าด้วยเรื่องการขับเคลื่อนธุรกิจไทยด้วย AI ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน
“AI จะเข้ามาทำงานแทนคนจริงหรือไม่?”
“คนจะถูกแย่งงานไปจนหมดหรือเปล่า?”
“ความสามารถของเทคโนโลยี AI จะถูกพัฒนาไปแค่ไหนในอนาคต?”
ในปี 2021 ที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) กลายเป็นเครื่องมือให้ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาอยู่ในธุรกิจของไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามข้างต้นจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนสงสัยและตั้งคำถามกันอยู่เสมอ ๆ
ภาวะการแทนที่ (Disruption) ของเทคโนโลยี AI ในอนาคตจะส่งผลต่อภาคธุรกิจอย่างไรต่อไป เราได้สรุปจากเวที Clubhouse รายการ Ask Expert จาก Future Trends ที่ คุณกฤตธี CEO ของเราได้ไปร่วมแชร์ความรู้ในหัวข้อ “AI จะเข้ามาทำงานแทนคนจริงหรือ?” ไปอ่านสรุปและหาคำตอบพร้อม ๆ กัน
คุณกฤตธียกตัวอย่างการนำเทคโนโลยี AI เข้านำมาใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ในระบบ Call Center ของบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba เนื่องด้วยความท้าทายของธุรกิจที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาเฉลี่ยถึงวันละ 5 ล้านคน
และหากไม่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะมีความจำเป็นต้องใช้พนักงานมากถึง 1 แสนคนในงานส่วนนี้ บริษัท Alibaba จึงได้ริเริ่มนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยงานในส่วน Customer Support ที่ทำงานด้วย AI Chatbot นั่นเอง
และนอกจากนี้ธุรกิจโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกาอย่าง Chromecast ยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน Customer Support โดยคุณกฤตธีได้แชร์ประสบการณ์ตรงว่าเคยโทรเข้า Call Center เพื่อแจ้งปัญหาอินเทอร์เน็ตบ้าน และได้รับคำแนะนำจากศูนย์บริการนานนับ 10 นาทีโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าเสียงที่กำลังคุยด้วยคือเทคโนโลยี AI และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม AI ถึงมีโอกาสที่จะเข้ามาทำงานแทนคนได้ในอนาคตอันใกล้
เนื่องจาก deeple เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่นำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้งานเป็นหลัก เมื่อถามว่าในมุมของผู้ให้บริการ นอกจากการโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์แล้ว AI ที่ทำงานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องเป็นอย่างไร
“AI ต้องทำนายอนาคตได้” คือคำตอบ
เพราะในอนาคต AI จะต้องฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ คิดซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่ออยู่ในจุดสูงสุด AI ควรจะทำนายอนาคตได้ เช่น เรียนรู้ราคาหุ้น และทำนายว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง AI ในรถยนต์ที่สามารถดูข้อมูลของรถรอบ ๆ คัน และสามารถทำนายได้ว่าว่าอีก 3 วินาที รถจะชนแน่นอน เพื่อให้คนขับสามารถหยุดรถได้ก่อน
ซึ่งคอนเซปต์นี้ถูกนำมาพัฒนา deeple AI Chatbot ด้วยการใช้ Natural Language Understanding หรือ NLU ที่ทำให้แชทบอทสามารถเรียนรู้จากบนสนทนาของมนุษย์ รู้ความต้องการของมนุษย์ที่มากกว่าสิ่งที่คนสอน และสามารถตอบคำถามได้มากกว่า และยืดหยุ่นกว่าคีย์เวิร์ดที่ตั้งเอาไว้ในระบบนั่นเอง
เมื่อถามถึงคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยว่า
“ในอนาคต เทคโนโลยี AI จะเข้ามาแย่งงานคนได้จริงหรือไม่”
คุณกฤตธีไม่ปฏิเสธว่าเทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้ในอนาคตอันใกล้จริง ๆ โดยกลุ่มอาชีพที่อาจจะถูกแทนที่เป็นกลุ่มแรก ๆ ได้แก่ อาชีพ Routine เช่น คนแจกบัตรเข้าห้าง จดทะเบียนรถ หรือแม้แต่งาน Call Center ที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ แต่ถึงอย่างนั้น การเข้ามาแทนที่ในลักษณะดังกล่าวก็จะทำให้คนทำงานขยับขึ้นไปอยู่ระดับสูงขึ้น เพื่อช่วยดูแล AI หรือรับสายเฉพาะเคสที่เคสเป็นพิเศษจริง ๆ
“เชื่อว่า AI จะแย่งงานคนเยอะ แต่ก็จะอาชีพอื่น ๆ เกิดขึ้นจำนวนมากเหมือนกัน เช่น สายงาน AI Supervisor, AI Designer, Data Analysis เป็นต้น”
ในแง่ของผู้ประกอบการจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอนาคตอันใกล้จะต้องมีเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจแบบนี้ หากสามารถทำความเข้าใจเทคโนโลยีและปรับตัวให้ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากจะเป็นการทุ่นแรงคล้ายกับการเข้ามาของเทคโนโลยีอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แล้ว จะยังเป็นการช่วยเพิ่มผลประกอบให้มากขึ้นได้ด้วย
หลายคนอาจเคยทราบมาแล้วว่า deeple AI Chatbot มีการใช้เทคนิคที่เรียกว่า Deep Learniing เข้ามาใช้ในการพัฒนา AI แชทบอทให้สามารถทำงานได้มากกว่าการเป็นระบบถาม-ตอบ โดยคุณกฤตธีได้อธิบายการทำงานของ Deep Learning เอาไว้ 2 รูปแบบ ดังนั้น
เข้าใจการทำงานของ Deep Learning ให้มากขึ้น
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี AI กับธุรกิจในประเทศไทย คุณกฤตธียกตัวอย่างถึงเคสที่ deeple AI Chatbot ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาแล้วอย่าง KCF Mart ธุรกิจขายอาหารสำเร็จรูปที่สามารถนำ AI แชทบอทเข้ามาลดงานแอดมินลงได้ถึง 70% ลดแอดมินตอบแชทจาก 10 คนเหลือเพียง 3 คน และให้แอดมินที่เหลือไปช่วยงานด้านอื่น ซึ่งได้ผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ คือ KCF สามารถขายไข่ไก่ได้เฉลี่ยวันละประมาณ 100,000 ฟอง
แม้ปัจจุบันแชทบอทจะเป็นเครื่องมือที่มีในประเทศไทยมานานแล้ว แต่คุณกฤตธีมองว่าแชทบอทที่ดี ต้องทำงานได้มากกว่าการเป็นระบบถาม-ตอบ หรือ Auto- Response ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ริเริ่มสร้างแบรนด์ deeple AI Chatbot แชทบอทขายของออนไลน์ที่ทำได้มากกว่าการตอบคำถาม แต่มีเทคโนโลยี AI สามารถเข้าไปช่วยงานขายได้จริง ๆ สร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการไทยนำไปใช้มากขึ้น และพัฒนาภาคธุรกิจไทยให้เติบโตทัดเทียมตลาดโลกได้ในอนาคต
deeple มุ่งมั่นพัฒนาบริการ AI Chatbot and Store Management แชทบอทพนักงานขายที่เป็นมากกว่าระบบถาม-ตอบ แต่ยังสามารถปิดการขาย ให้คำปรึกษา และจัดการระบบหลังร้านได้อย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การขายออนไลน์ให้กับธุรกิจของคุณ เช่น