

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การเข้ามาของแพลตฟอร์มวิดิโออย่าง TikTok ตามมาด้วย Instagram Reels และ Facebook Reels ทำให้เนื้อหาประเภทวิดิโอกลายเป็น A-Must สำหรับคนที่ประกอบอาชีพบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะสื่อออนไลน์ บล็อกเกอร์ ไปจนถึงคนทำธุรกิจออนไลน์
ในตลาดที่คนทั่วไปถึง 66% บอกว่าตัวเองรับชมเนื้อหาที่เป็นวิดิโออย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนขายของออนไลน์ต้องมีทักษะการทำวิดิโอที่สนใจเพิ่มเข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มการมองเห็นให้กับแบรนด์ วันนี้เราจึงเอาทริคการทำ VDO Marketing มาฝากกัน
กลายเป็นธรรมชาติของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ที่เมื่อมีคลิปวิดิโอผ่านเข้ามาบนหน้าฟีด จะใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีในการตัดสินใจว่าวิดิโอนี้น่าสนใจหรือไม่ หากไม่สนใจก็จะปัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย ความท้าทายแรกของการทำ VDO Content เพื่อขายของออนไลน์ในยุคนี้ก็คือการสื่อสารให้ชัดเจนในช่วงอินโทร 3-5 วินาทีแรก ว่ากำลังพูดถึงอะไร และมีจุดไหนที่น่าสนใจและทำให้คนอยากหยุดเพื่อดูวิดิโอต่อให้จบ
ตัวอย่างการทำอินโทรของ Video Content ให้น่าสนใจ เช่น จุดประเด็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ พูดถึง painpoint ของลูกค้า หรืออาจจะพูดถึงคุณสมบัติเด่นของสินค้าอย่างกระชับที่สุด หรือเลือกเนื้อหาในวิดิโอที่ฟังแล้วน่าสนใจที่สุดขึ้นมาเป็นท่อนเปิด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีความท้าทายของการเล่าเรื่องให้น่าสนใจและคนสามารถหยุดดูได้จนจบ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นเทคนิคในส่วนของการเล่าเรื่อง เลือกหัวข้อ หรือประเภทของเนื้อหาที่น่าสนใจ
เมื่อมีช่วงอินโทรที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้ดูวิดิโอต่อโดยไม่ปัดทิ้งได้แล้ว การเล่าเรื่องจะเป็นส่วนตัดสินว่าลูกค้าจะดูคลิปจบหรือไม่จบ ดังนั้น หากจะเริ่มทำ Video Content ให้เพิ่มยอดขายได้จริง หรือได้ผู้ติดตามจริง ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่ “ลูกค้าเราคือใคร” เพื่อให้วางแผนเนื้อหาและการเล่าเรื่องได้เหมาะสม
ตัวอย่างเนื้อหาวิดิโอที่ได้รับความนิยม เช่น ความเป็นมาของแบรนด์ เบื้องหลังการทำงานของแบรนด์ การแพ็คสินค้า วิธีใช้งานสินค้าในรูปแบบหรือโอกาสต่างๆ ตอบคำถามที่พบบ่อย เทคนิคการใช้งานสินค้าให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่มาพร้อมกับ VDO Marketing ก็คือ Music Marketing ทำให้ในแพลตฟอร์มวิดิโอยอดฮิต โดยเฉพาะ TikTok และ Instagram Reels มีเพลงดังที่ถูกนำมาใช้ในวิดิโอมากมาย และเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อีกหนึ่งโอกาสในการขายของออนไลน์ผ่านวิดิโอก็คือการเลือกเอาเพลงที่กำลังอยู่ในเทรนด์มาใช้ประกอบเนื้อหา จะทำให้อัลกอริธึมของแพลตฟอร์มนั้นๆ โชว์เนื้อหาของเราขึ้นบนฟีดของคนดูใหม่ๆ ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของเรามากขึ้นนั่นเอง
นอกจากเพลงแล้ว ยังมีเทมเพลตวิดิโอที่อยู่บน Instagram Reels และแอป Capcut (แอปตัดต่อวิดิโอเครือเดียวกับ TikTok) ที่เมื่อเราเลือกใช้เทมเพลตที่กำลังเป็นกระแส จะช่วยให้ทั้งการตัดต่อวิดิโอทำได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสให้คนเห็นกว้างขวางขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากการพึ่งพาอัลกอริธึมของแพลตฟอร์มที่จะแนะนำคลิปวิดิโอแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคการขายของออนไลน์ด้วยวิดิโอ ที่จะช่วยให้แบรนด์ทำการตลาดได้ดีในระยะยาวก็คือ การทำ SEO หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การทำให้ลูกค้าเสิร์ชหาเราแล้วเจอนั่นเอง
โดยการทำ SEO แต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะ YouTube, TikTok, Reels จะมีหลักการคล้ายกันคือการมีคีย์เวิร์ดอยู่ในเนื้อหาและแคปชั่นหลักๆ คือ
Brand Keyword หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับแบรนด์ นอกจากชื่อแบรนด์ หรือชื่อสินค้าตรงๆ แล้ว ควรมีคีย์เวิร์ดที่ใช้เรียกแบรนด์ให้สามารถจดจำได้ง่าย และใช้ตลอด เช่น ลิปหมี (แบรนด์เครื่องสำอางที่ทำแพ็คเกจจิ้งคล้ายตุ๊กตาหมี) น้ำตบเห็ด (แบรนด์สกินแคร์ที่มีสารสกัดจากเห็นเป็นหลัก)
Generic Keyword หรือคีย์เวิร์ดทั่วไปที่คนมักใช้ค้นหา โดยส่วนใหญ่จะเป็นประเภทสินค้า และคุณสมบัติของสินค้า
คีย์เวิร์ดอื่นๆ ตามลักษณะของเนื้อหา เช่น แบรนด์เครื่องสำอาง ต้องการทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับเทคนิคการแต่งหน้า เพื่อให้ทั้งความรู้และโชว์วิธีใช้งานสินค้า คีย์เวิร์ดที่ควรเพิ่มเติมก็คือ เทคนิคการแต่งหน้า แต่งหน้าในโอกาส… เป็นต้น
โดยคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีการใช้งานไปตามแพลตฟอร์ม เช่น
นอกจากเทคนิคเหล่านี้แล้ว อย่าลืม! หาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และอัปเดตการใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอยู่ตลอด เพื่อให้แบรนด์ของคุณไม่ตกเทรนด์ และได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
ที่มาข้อมูล : https://blog.hubspot.com/marketing/how-video-consumption-is-changing